การเลือกเครื่องฟอกอากาศให้ได้คุณภาพนั้น ราคาหรือแบรนด์ดัง อาจไม่ได้เป็นปัจจัย เพราะเครื่องฟอกอากาศที่มีคุณภาพ จะต้องแตกต่างทั้งคุณสมบัติและเทคโนโลยี อย่าง 4 ข้อต่อไปนี้จะช่วยให้ทุกคนสามารถเลือกเครื่องฟอกอากาศอย่างมือโปรได้
1. เลือกเครื่องฟอกอากาศที่ความละเอียดของฟิลเตอร์
หัวใจสำคัญที่สุดของเครื่องฟอกอากาศทุกเครื่องคือ ไส้กรองอากาศ โดยเครื่องฟอกส่วนใหญ่ในตลาดตอนนี้ มีค่ามาตรฐานในการในฟอกฝุ่น PM2.5 เกสรดอกไม้ แบคทีเรียได้ แต่เครื่องฟอกอากาศประสิทธิภาพสูงจะสามารถฟอกอากาศได้ละเอียดถึง 0.0146 ไมครอน ซึ่งคิดเป็น 20 เท่าของไส้กรองส่วนใหญ่ เช่น ไส้กรอง Hepa
2. เลือกเครื่องฟอกอากาศ ที่มีอัตราการส่งมอบอากาศบริสุทธิ์คงที่
คุณสมบัติอีกสิ่งที่สำคัญเวลาเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศคือ ต้องดูค่า Clean Air Delivery Rate (CADR) หรืออัตราการส่งมอบอากาศที่บริสุทธิ์ คิดเป็นลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง โดยเครื่องฟอกอากาศประสิทธิภาพสูง มีค่า CADR ที่คงที่ตลอดอายุการใช้งาน ในขณะที่เครื่องฟอกอากาศทั่วไป ค่า CADR จะลดลงอย่างต่อเนื่องตามการใช้งาน
3. เลือกเครื่องฟอกอากาศที่สามารถฆ่าไวรัส ไม่ใช่แค่กักเก็บเชื้อโรค
เครื่องฟอกอากาศทั่วไปนั้น จะดักกักเก็บเชื้อโรคไว้ในฟิลเตอร์ แต่ไม่ได้มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อไวรัสต่างๆ แต่เครื่องฟอกอากาศประสิทธิภาพสูงจะสามารถฆ่าเชื้อไวรัสกว่า 400 สายพันธุ์ ได้สูงถึง 99.99 % ซึ่งมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยในคุณภาพอากาศ และถือว่าเป็นเครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง
4. เลือกเครื่องฟอกอากาศที่ฟิลเตอร์สามารถนำออกมาถอดล้างใช้ซ้ำได้
ไส้กรองอากาศส่วนใหญ่ จะต้องมีการเปลี่ยนฟิลเตอร์อย่างน้อย ทุกๆ 6 เดือนหรือตามการใช้งาน ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองทั้งค่าใช้จ่ายในการดูแล ยิ่งหากเป็นในช่วงที่มีฝุ่นควันหนาแน่น อาจต้องเพิ่มความถี่ในการเปลี่ยนฟิลเตอร์ แต่เครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง จะมีนวัตกรรมที่เรียกว่า TPA Technology หนึ่งเดียวที่ฟิลเตอร์ออกแบบมาเพื่อให้ถอดล้างใช้ซ้ำได้ตลอดอายุการใช้งาน หมดห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายที่บานปลาย และไม่เพิ่มขยะให้กับโลก
Add comment